วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ 1 ในรองเท้าที่เร็ว แรง ที่สุดในยุคนี้จากค่าย Nike กันครับ และนั่นก็คือ…. Nike Zoom Fly (SP) จริงๆแล้วเจ้ารองเท้าคู่นี้ก็ออกมาได้ซักพักใหญ่ๆแล้ว แต่ผมก็กลั้นใจอยู่นานว่าจะซื้อมาลองดีหรือเปล่า เพราะหลายๆเสียงรีวิวบอกเหมือนกันว่า Nike Zoom Fly เหมาะกับคนที่วิ่งค่อนข้างเร็ว และฟอร์มการวิ่งค่อนข้างดีอยู่แล้ว

ซึ่งผมพึ่งมาวิ่งจริงจังได้ไม่นานเลยไม่มั่นใจว่ามันจะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือเปล่า แต่หลังจากผ่านมาได้ 2 เดือนก็รู้สึกว่าตัวเองวิ่งได้เร็วขึ้นดีขึ้น เลยอยากลองของแรงว่างั้นเถอะ สุดท้ายเลยกัดฟันซื้อเจ้า Nike Zoom Fly มาจนได้ รุ่นและ collection ที่ได้มาคือ “Nike Zoom Fly SP Be True” (ที่เป็น limited edition ให้สั่ง online ผ่าน nike.com เมื่อวันเสาร์ที่ 23/06/61 ที่ผ่านมา) และในวันนี้เราจะมาพูดถึงประวัติความเป็นมา และมาแกะกล่องรองเท้าคู่นี้ไปพร้อมกันครับ (ยังไม่มีรีวิวเด้อ ขอไปลองก่อน)


Breaking 2 Project By Nike

ก่อนอื่นขอพูดถึง Breaking 2 Project ของ Nike ที่ต้องการพยายามพามนุษย์ทำลายกำแพงการวิ่งมาราธอน (42.195km) ภายใน 2 ชั่วโมงลงให้ได้ โดยโครงการนี้ทีมของ Nike ก็ได้ร่วมกับนักกีฬาในสังกัดเพื่อศึกษาทุกๆความเป็นไปได้ ทั้ง การหายใจ ท่าวิ่ง ความเร็ว รูปเท้า และแน่นอน เพื่อสร้างรองเท้าที่เร็วที่สุดที่จะพามนุษย์คนหนึ่งทำลายกำแพง 2 ชั่วโมงลงให้ได้

และในที่สุดก็คลอดรองเท้าออกมาทั้งหมด 4 รุ่นภายใต้โครงการนี้ ได้แก่

  • Nike Vaporfly Elite: สำหรับนักกีฬาโดยเฉพาะ คนทั่วไปแทบจะหมดสิทธิ์
  • Nike Vaporfly 4%: รองเท้าระดับสูงที่สุดเท่าที่คนทั่วไปจะหาได้ แต่หายากมาก
  • Nike Zoom Fly: รองเท้าความเร็วสูง ที่คนทั่วไปหาซื้อและจับต้องได้ไม่ยาก
  • Nike Pegasus 34: รองเท้าใส่ซ้อมอเนกประสงค์ หาซื้อได้ทั่วไป

โดยทั้ง 4 คู่นี้ (จากซ้าย ไป ขวา) จะเน้นเรื่องการทำความเร็วเป็นหลักครับ โดยมีเทคโนโลยีที่ต่างกันไปตามวัตถุประสงค์และราคา ในช่วงหลัง Nike ก็ได้ออกรองเท้ารุ่นอื่นๆตามมาอีก เช่น Nike Vaporfly Flyprint ที่ใช้เทคโนโลยี 3D Printing เข้ามาช่วย และแน่นอนครับรุ่นที่ผมได้มาและจะมา Unboxing กันในวันนี้อย่าง Nike Zoom Fly SP โปรเจคนี้ก็จบลงด้วยสถิติการวิ่ง 02:00:25 โดย Eliud Kipchoge ด้วยรองเท้า Nike Vaporfly Elite แม้จะทำลายกำแพง 2 ชั่วโมงลงยังไม่ได้แต่ก็เป็นสถิติการวิ่งมาราธอนที่เร็วที่สุดในโลก(แต่ไม่เป็นทางการ) เพราะเป็นการวิ่งในสนามและสภาพแวดล้อมที่ Nike ได้เป็นคนกำหนดขึ้นมา ยังไม่ใช่สนาม Major ดังนั้นจึงไม่มีการบันทึกสถิติโดย Guinness world record

ปัจจุบันสถิติโลกอยู่ที่เวลา 02:02:57 โดย Dennis Kimetto ที่สนาม Berlin Marathon ปี 2014 โดยสวมรองเท้า Adidas Adizero Adios 2 จากค่าย 3 แถบ ซึ่งปัจจุบัน Nike ก็ยังสยบสถิตินี้ลงไม่ได้ สุดท้ายใครสนใจ Breaking 2 Project ก็ไปดูต่อจาก Video ด้านล่างได้เลยครับสนุกดี เป็นเหมือนสารคดีที่ดูได้เพลินๆ