ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่วงการรองเท้าวิ่งและไลฟ์สไตล์มีการแข่งขันกันสูงมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ล่าสุดไนกี้ได้เปิดตัวรองเท้าวิ่งและออกกำลังกายซีรี่ย์ Free เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ที่ถูกออกแบบ
มาเพื่อการออกกำลังกายทุกรูปแบบ ออกมาท้ารบในตลาดด้วยสมาชิกใหม่ถึง 3 รุ่น วันนี้
SiamBoots จะมารีวิวรองเท้ารุ่น Free RN Flyknit รองเท้าวิ่งรุ่นเด่นที่มีพร้อมทั้งเทคโนโลยี
ดีไซน์ และประสิทธิภาพอย่างครบครัน

ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่าไฮไลท์แห่งปี 2016 ในวงการรองเท้าวิ่งของฝั่งไนกี้ คงจะหนีไม่พ้นการ
อัพเดตโฉมใหม่ของรองเท้าวิ่งและรองเท้าออกกำลังยอดนิยม อย่างซีรี่ย์ Free ที่ออกแบบมาเพื่อ
ความยืดหยุ่น สร้างฟีลลิ่งและการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ ตอบโจทย์ได้ทุกรูปแบบของการ
ออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การเล่นฟิตเนส หรือแม้แต่การสวมใส่ในไลฟ์สไตล์ได้อย่าง
เอนกประสงค์ จนทำให้รองเท้าวิ่งตระกูลนี้กลายเป็นรองเท้ากีฬาเพื่อมวลชนตลอดช่วง 2-3 ปีที่
ผ่านมา ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

แม้ว่าในคอลเลคชั่นใหม่นี้ที่เพิ่งถูกเปิดตัวออกมา ไนกี้จะได้นำเสนอรองเท้ารุ่นที่มีชื่อว่า Free RN
Motion Flyknit ออกมาเป็นรองเท้าระดับท็อปสุดในซีรี่ย์นี้ก็ตาม แต่รองเท้ารุ่น Free RN Flyknit
(ฟรี รัน ฟลายนิต) ซึ่งมีตำแหน่งในการทำตลาดในระดับรองลงมา ก็ดูจะมีเทคโนโลยีและการใช้งาน
ที่ครอบคลุมไม่แพ้กัน จนบางครั้งก็ถูกยกขึ้นมาเป็นรุ่นโปรโมทและทำตลาดทั่วโลกได้มากกว่า จึง
ทำให้รองเท้ารุ่นนี้ดูมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก
ในบทความนี้ SiamBoots จะนำเจ้า Free RN Flyknit ในร่างสีฟ้า (Blue/Blue/Orange
/Black) ซึ่งเป็นสีเปิดตัวโปรโมทของรองเท้ารุ่นนี้ มารีวิวให้กับคุณผู้อ่านทุกท่านได้รู้จัก ไปดูกันว่า
รองเท้ารุ่นนี้มีจุดเด่น มีอ็อฟชั่น มีเทคโนโลยีและมีรายละเอียดส่วนไหนเป็นไฮไลท์กันบ้าง ก่อนที่จะ
พาไปวิ่งทดสอบการใช้งานในภายหลัง พร้อมกับวิเคราะห์จุดดีจุดด้อยในด้านต่างๆ เพื่อหาคำตอบว่า
รองเท้าวิ่งที่ถูกอออกแบบมาเพื่อการวิ่งแบบ Natural Running รุ่นนี้จะตอบโจทย์ความต้องการ
ด้านไหนได้บ้าง สำหรับรองเท้าวิ่ง ไนกี้ Free RN Flyknitเรายังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเป็น
ทางการมาจาก บริษัท ไนกี้ (ประเทศไทย) จำกัด เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

ไนกี้ Free RN Flyknit ยังคงถูกบรรจุมาในกล่องรองเท้าสีส้มอันเป็นหนึ่งในเครื่องหมายทาง
การค้าของไนกี้เช่นเดียวกับรองเท้ากีฬาอื่นๆ ของแบรนด์ระดับโลกแบรนด์นี้ โดยภายในกล่องจะมี
เพียงแค่ตัวรองเท้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีของแถมอื่นใดแถมมาให้ ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐาน
ปกติของรองเท้าวิ่งนั่นแหละครับ

สัมผัสแรกที่ได้หยิบจับเอา Free RN Flyknit ขึ้นมาไว้บนมือครั้งแรก จะรู้สึกได้ถึงความเบา
รูปทรงรองเท้าที่ค่อนข้างกว้าง วัสดุอัพเปอร์นิ่มและโปร่ง สามารถให้ตัวยืดหยุ่นได้ตามการจับต้อง
โดยรองเท้ารุ่นนี้มีน้ำหนักเบา เพียงแค่ 215.5 กรัม/ข้าง เท่านั้น

วัสดุหลักที่เอามาผลิตเป็นอัพเปอร์ของรองเท้าไนกี้ Free RN Flyknit นั้นเป็นไปตามชื่อรุ่นเลย
ก็คือเป็นวัสดุฟลายนิต (Flyknit) ซึ่งเป็นเส้นด้ายชนิดพิเศษที่เอามาถักทอขึ้นรูปเป็นตัวรองเท้า
แบบเส้นเดียวเพื่อให้ได้ตัวรองเท้าที่ไร้รอยต่อ ทำให้ผู้สวมใส่ไม่รู้สึกระคายเคืองจากการสัมผัสโดน
แนวด้ายเย็บหรือแนวตะเข็บรอยต่อซึ่งเป็นเรื่องปกติของรองเท้าจากวัสดุชนิดอื่นๆ ที่มีการเย็บต่อชิ้น
ส่วนต่างๆ

วัสดุฟลายนิตยังช่วยให้ตัวรองเท้ามีความยืดหยุ่น เข้ารูปกับรูปเท้าของผู้สวมใส่ได้ทุกสัดส่วน
ทำให้ผู้ส่วมใส่รู้สึกได้ถึงความกระชับแนบสนิทตลอดการสวมใส่

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไนกี้ Free RN Flyknit มีอยู่ในตัว นั่นคือฟลายไวร์ (Flywire cables) ที่อยู่
บริเวณด้านข้างของตัวรองเท้า ทั้งข้างเท้าด้านในและด้านนอก โดยเฉพาะฝั่งข้างเท้าด้านในที่ไนกี้ทำสี
รองเท้าให้มีความแตกต่างจากสีหลัก เสมือนเป็นการไฮไลท์เจ้าเทคโนโลยีชิ้นนี้โดยเฉพาะ โดยเส้นใย
เหล็กกล้าฟลายไวร์นั้นจะวางตัวตามแนวดึงของรูร้อยเชือกรองเท้า ทำหน้าที่ช่วยเพิ่มแรงดึงจากแนว
ร้อยเชือก เพื่อเพิ่มความกระชับระหว่างตัวรองเท้ากับเท้าของผู้สวมใส่ให้มากยิ่งขึ้น

และจากมุมมองด้านนี้ จะเห็นได้ชัดเจนว่ารองเท้าวิ่งรุ่นนี้ถูกดีไซน์ให้มีลักษณะหัวรองเท้าเชิดขึ้น
อย่างชัดเจนมากๆ ที่สุดรุ่นนึงในตลาดรองเท้าวิ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งสอดคล้องกับการเป็นรองเท้าวิ่งประเภท
Natural Running ที่เน้นให้ฟีลลิ่งแบบเท้าติดพื้น (Low-profile) ซึ่งหลายคนก็จะควบรวมไปใช้
ในการวิ่งแบบ Speed Running ที่เน้นการวิ่งด้วยปลายเท้าได้ด้วย

กลับมาดูที่บริเวณหัวรองเท้า จะพบว่ามีรูขนาดใหญ่จำนวนมาก ชึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเสริม
ประสิทธิภาพในเรื่องการระบายอากาศให้ไหลผ่านได้ดีขึ้น ช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบาย ตัวรองเท้า
ไม่สะสมความร้อนมากเกินไปจนสร้างความรู้สึกอึดอัด ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะพบได้จากไนกี้
Free RN Flyknit รุ่นนี้
เชือกรองเท้าแบบมาตรฐานของ Free RN Flyknit นั้นเป็นเชือกรองเท้าแบบเส้นแบนขนาดใหญ่
ซึ่งมีผลดีต่อการดึงกระชับแนวร้อยเชือกได้อย่างเต็มแรง เพื่อให้ผู้สวมใส่ได้กำหนดความกระชับของ
ตัวรองเท้าได้จากแรงดึงของเส้นเชือก ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าไนกี้ออกแบบให้มีรูร้อยเชือกคู่บนสุดเพิ่มเข้ามา
เอาไว้ใช้งานในกรณีที่ผู้สวมใส่ต้องการความกระชับและล็อคบริเวณข้อเท้าให้แน่นมากเป็นพิเศษ

ในขณะที่ลิ้นรองเท้านั้นทำจากวัสดุผ้าเมซ ออกแบบให้มีรูปเต็มหน้าสัมผัส เพื่อช่วยให้การถ่ายเท
ของอากาศ เพื่อระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น

บริเวณส่วนส้นเท้าของ Free RN Flyknit นั้นจะไม่มีชิ้นส่วนของวัสดุพลาสติกแข็ง ซึ่งปกติ
จะเป็นส่วนที่เรียกว่าเกราะป้องกันส้นเท้าและเอ็นร้อยหวาย ที่จะคอยมาช่วยโอบจับรับกับส้นเท้า
เพื่อให้ส้นเท้ามีความกระชับและลดโอกาสข้อเท้าพลิกได้ง่าย แต่บริเวณส้นเท้าของรองเท้ารุ่นนี้จะมี
เพียงชิ้นส่วนของวัสดุด้ายถักฟลายนิตเพียงอย่างเดียวเพียวๆ เท่านั้น ในทางตรงกันข้าม..แม้ว่า
ฟีลลิ่งความกระชับปกป้องจะหายไป แต่ผู้สวมใส่จะได้ฟีลลิ่งความสบายและเป็นธรรมชาติมาทดแทน ในขณะที่วัสดุฟลายนิตเองก็มีคุณสมบัติยืดหยุ่นพอที่จะมาช่วยบีบกระชับให้กับส้นเท้าของผู้สวมใส่
ได้ดีไม่แพ้กัน

ส่วนหุ้มส้นด้านในที่จะสัมผัสกับบริเวณส้นเท้าของผู้สวมใส่โดยตรงนั้น เป็นหุ้มส้นที่ทำจากวัสดุ
ฟลายนิตทั้งหมด ไม่มีส่วนช่วยซับพอร์ตหรือวัสดุบุนุ่มแต่อย่างใด ถือเป็นรองเท้าที่ใช้หุ้มส้นแบบดิบๆ
เพื่อให้ผู้สวมใส่ได้ฟีลลิ่งอันเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง

แผ่นรองพื้นของไนกี้ Free RN Flyknit สามารถถอดแยกออกมาจากตัวรองเท้าได้ดั่งที่เห็น
ตามภาพด้านบน โดยแผ่นรองพื้นชุดนี้ทำจากโฟม EVA ทั้งชิ้น แต่เนื้อโฟมจะมีลักษณะบาง
พอสมควร ไม่นุ่มสักเท่าไหร่ เพื่อให้ฝ่าเท้าของผู้เล่นสัมผัสเข้าใกล้พื้นมากที่สุด ตามแบบฉบับ
ของรองเท้าวิ่งที่จะให้ฟีลลิ่งเป็นธรรมชาติเช่นนี้ โดยผิวหน้าสัมผัสด้านบนของแผ่นรองพื้นจะใช้
วัสดุหน้าผ้าไนล่อนแบบตาข่าย ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าแผ่นป้ายเบอร์ไซด์รองเท้านั้นจะติดมากับแผ่น
รองพื้นแทนที่จะติดอยู่กับตัวรองเท้าแบบรองเท้ากีฬารุ่นอื่นๆ

และเมื่อถอดแผ่นรองพื้นออกมา จะเห็นได้วัสดุพื้นชั้นในของตัวรองเท้านั้นจะมีส่วนของวัสดุโฟม
อีกชั้นนึง ซึ่งจากข้อมูลระบุว่าชุดพื้นด้านล่างนั้นถูกเสริมด้วยโฟม IU เพื่อให้รองรับเท้าได้ดียิ่งขึ้น
กว่าชุดพื้นแบบเก่า ซึ่งจากข้อมูลได้บอกไว้ว่าโฟมชนิดดังกล่าวจะมาช่วยเพิ่มเติมให้เรื่องของความนุ่ม
การรองรับแรงกระแทก และความมั่นคงในจังหวะการลงน้ำหนัก

พื้นรองเท้าของรองเท้าวิ่งฟรีสไตล์รุ่นนี้ ถูกอออกแบบมาตามแบบฉบับของรองเท้าตระกูล Free
โดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นสูงสุดโดยใช้เทคนิคการออกแบบชุดพื้นดาวสามเหลี่ยม
ให้มีรอยผ่าแนวลึก หรือที่ภาษาทางเทคนิคเรียกว่า Auxetic Tri-star

ซึ่งมีจุดเด่นคือสามารถช่วยให้ชุดพื้นมีความยืดหยุ่นเมื่อชุดพื้นงอตัว จะเห็นได้ว่ามันสามารถแยกขยาย
ออกจากกันได้ตามลักษณะการเคลื่อนที่ของรูปเท้าอย่างหลายทิศทาง ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ
ชุดพื้นสำหรับรองเท้าตระกูล Free โดยเฉพาะ ในขณะที่พื้นผิวของชุดพื้นที่มีความสูง-ต่ำ ไม่เท่ากัน
ในหลายๆ ตำแหน่ง จะช่วยเพิ่มพื้นผิวสัมผัสในการยึดเกาะกับพื้นได้ดีขึ้น เพียงแต่ลักษณะผิวหน้าของ
ชุดพื้นจะเป็นแบบผิวเรียบเสียเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม..ที่บริเวณหัวและด้านท้ายของชุดพื้น จะมีพื้นผิวแบบพิเศษซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วย
เพื่อประสิทธิภาพการยึดเกาะโดยรวมให้ดีขึ้น ด้วยพื้นผิวที่นูนขึ้นมาและผิวหน้าสัมผัสมีความฝืดเล็กน้อย
ดั่งที่เห็นด้านบน โดยบริเวณพื้นสีฟ้านั้นจะเป็นฝั่งหัวรองเท้า และพื้นสีดำนั้นจะเป็นด้านท้ายของรองเท้า

เมื่อได้ทำความรู้จักกับรองเท้าวิ่ง ไนกี้ Free RN Flyknit กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลา
ไปลงสนามทดสอบการใช้งาน เพื่อรับทราบข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงประสิทธิภาพการใช้งาน ข้อดีและ
ข้อด้อย ผ่านการใช้งานจริงของรองเท้ารุ่นนี้ เพื่อเอาข้อมูลมาใช้ตัดสินใจว่ารองเท้ารุ่นนี้จะตอบโจทย์
ของท่านได้มากน้อยแค่ไหน สามารถคลิกไปยังหน้ารีวิวทดสอบการใช้งานได้จากแถบด้านล่างเลยครับ